วัดจันทน์กะพ้อ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๔๑ บ้านตากแดด หมู่ที่ ๓ ตำบลบางเตย อำเภอสามโคก
จังหวัดปทุมธานี สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต
มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๒๐ ไร่ ๓ งาน ๕๙ ตารางวา ตามโฉนดเลขที่
๖๗๖๖ อาณาเขต ทิศเหนือติดต่อกับหมู่บ้านตากแดด ทิศใต้ติดต่อกับถนนทางเข้าวัด
ทิศตะวันออกติดต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันตกติดต่อกับถนนสายสามโคก – เสนา
พื้นที่ตั้งวัด เป็นที่ราบลุ่มอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ดังนี้ อุโบสถกว้าง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๒๓ เมตร ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๔ คอนกรีตเสริมเหล็ก ทรงไทยประยุกต์ผสมรามัญ มีกำแพงแก้วล้อมรอบ กุฎีสงฆ์จำนวน ๙ หลังสร้างด้วยไม้สัก ๕ หลัก คอนกรีตเสริมเหล็ก ๔ หลัง หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ วิหาร ศาลาท่าน้ำ ๓ หลัง ศาลาพรหมวิหาร ๔ ศาลาธรรมประสาธน์ ศาลาบำเพ็ญกุศล ณาปนสถาน หอระฆัง หอปริยัติธรรม ปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถเจดีย์ และเสาหงส์
ปูชนียวัตถุ มีเจดีย์อายุประมาณ ๑๐๐ ปี พระประธานในพระอุโบสถและเสาหงส์
วัดจันทน์กะพ้อ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๘ โดยชาวมอญ ที่อพยพมาจากเมืองเมาะตะมะภายใต้การนำของสมิงสอดเบา เรียกว่ามอญใหม่ (มอญที่มาครั้งพระยาเจ่งเรียกว่ามอญเก่า) อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อได้สร้างวัดขึ้นแล้วขนานนามว่า “วัดโกว๊ะ” ซึ่งเป็นภาษารามัญแปลว่า “ต้นจันทน์กะพ้อ” ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า “วัดกะพ้อ” ต่อมาได้เปลื่ยนนามใหม่เป็น “วัดจันทน์กะพ้อ” เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘ และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ การบูรณะพัฒนาวัดได้เริ่มมาตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปแรกจนถึงปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้รับการยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของจังหวัด ตั้งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ วัดจันทน์กะพ้อ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๕
การศึกษา ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๙ ทั้งแผนกธรรมและบาลี (หยุดการเรียนชั่วคราว ปี ๒๕๕๑ ) โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๘ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ ซึ่งพระธรรมเมธาภรณ์เจ้าอาวาสวัด
และเจ้าคณะจังหวัด(ธรรมยุต) ได้ให้การอุปการะตลอดมา และได้มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน พระศรีมงคลเมธี
พื้นที่ตั้งวัด เป็นที่ราบลุ่มอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ดังนี้ อุโบสถกว้าง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๒๓ เมตร ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๔ คอนกรีตเสริมเหล็ก ทรงไทยประยุกต์ผสมรามัญ มีกำแพงแก้วล้อมรอบ กุฎีสงฆ์จำนวน ๙ หลังสร้างด้วยไม้สัก ๕ หลัก คอนกรีตเสริมเหล็ก ๔ หลัง หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ วิหาร ศาลาท่าน้ำ ๓ หลัง ศาลาพรหมวิหาร ๔ ศาลาธรรมประสาธน์ ศาลาบำเพ็ญกุศล ณาปนสถาน หอระฆัง หอปริยัติธรรม ปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถเจดีย์ และเสาหงส์
ปูชนียวัตถุ มีเจดีย์อายุประมาณ ๑๐๐ ปี พระประธานในพระอุโบสถและเสาหงส์
วัดจันทน์กะพ้อ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๘ โดยชาวมอญ ที่อพยพมาจากเมืองเมาะตะมะภายใต้การนำของสมิงสอดเบา เรียกว่ามอญใหม่ (มอญที่มาครั้งพระยาเจ่งเรียกว่ามอญเก่า) อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อได้สร้างวัดขึ้นแล้วขนานนามว่า “วัดโกว๊ะ” ซึ่งเป็นภาษารามัญแปลว่า “ต้นจันทน์กะพ้อ” ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า “วัดกะพ้อ” ต่อมาได้เปลื่ยนนามใหม่เป็น “วัดจันทน์กะพ้อ” เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘ และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ การบูรณะพัฒนาวัดได้เริ่มมาตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปแรกจนถึงปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้รับการยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของจังหวัด ตั้งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ วัดจันทน์กะพ้อ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๕
การศึกษา ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๙ ทั้งแผนกธรรมและบาลี (หยุดการเรียนชั่วคราว ปี ๒๕๕๑ ) โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๘ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ ซึ่งพระธรรมเมธาภรณ์เจ้าอาวาสวัด
และเจ้าคณะจังหวัด(ธรรมยุต) ได้ให้การอุปการะตลอดมา และได้มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน พระศรีมงคลเมธี
แผนที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น